8/08/2021

การตรวจขดลวดมอเตอร์พัดลมไฟฟ้า

Posted By: ครูตุ้ง - Sunday, August 08, 2021
จำนวนผู้เยี่ยมชมหน้านี้

                 มอเตอร์พัดลมไฟฟ้า ส่วนใหญ่จะเป็นมอเตอร์ไฟฟ้ากระแสสลับ 1 เฟส ชนิด คาปาซิเตอร์รันมอเตอร์

                 ซึ่งอาการเสียที่เป็นสาเหตุจากตัวมอเตอร์ ก็จะต้องทำการวัดความต้านทานของขดลวด ซึ่งเราจะสามารถตรวจเช็คได้  3 อาการ ดังนี้

                 คือ ขดลวดขาด เราจะวัดค่าความต้านทานได้เป็นอนันต์ ( เข็มมิเตอร์ไม่ขึ้น )

                       ขดลวดช๊อตรอบ เราจะวัดค่าความต้านทานได้เป็น 0 หรือ น้อยกว่าปกติมาก

                       ขดลวดปกติ เราจะวัดค่าความต้านทานได้เป็นเป็นปกติ ซึ่งจะมากน้อยเท่าใด ขึ้นอยู่กับขนาดความโตของขดลวดที่ใช้พันมอเตอร์นั้น ซึ่งขดลวดของมอเตอร์พัดลมจะมีอยู่ด้วยกัน 3 ขด คือ

                      1. ขดรัน คือขดลวดที่ทำให้มอเตอร์หมุน จะมีความต้านทานประมาณ  350  โอห์ม 

                      2. ขดสตาร์ท คือขดลวดที่ทำให้มอเตอร์เริ่มหมุนได้ โดยปกติจะพันด้วยขดลวดที่มีขนาดเล็กกว่าขดรัน จำนวนรอบน้อยกว่านิดหน่อยหรือใกล้เคียงกัน จึงทำให้มีความต้านทานมากกว่าขดรัน หรือใกล้เคียงกัน ขึ้นอยู่กับผู้ผลิตหรือการออกแบบ ดังนั้นขดสตาร์ทจึงมีความต้านทานประมาณ  400  โอห์ม

                     3. ขดโช๊ค คือขดลวดที่ใช้ลดแรงดันที่จ่ายให้มอเตอร์ ทำให้มอเตอร์มีแรงน้อยลง จึงทำให้หมุนใบพัดได้ช้าลงนั่นเอง ขดโช๊ค จะแบ่งเป็น 2 ชุด เพื่อลดสปีทลงให้ได้ 3 ระดับ ค่าความต้านทานของขดลวดแต่ละชุด จะมีความต้านทานประมาณ 80 โอห์ม

วงจรการต่อขดลวดมอเตอร์พัดลม



ส่วนประกอบที่เกี่ยวข้องกับวงจรไฟฟ้า ของมอเตอร์พัดลม

                  1. สายเสียบปลั๊กไฟ

                  2. สวิตซ์ควบคุม

                  3. คาปาซิเตอร์

                  4. มอเตอร์



                      ในอดีตสายไฟของมอเตอร์พัดลมจะมีทั้งหมด 5 สาย จะมีความยาวเท่ากันทั้งหมด เพราะทุกเส้นจะต่อลงมาต่ออุปกรณ์ทั้งหมดที่เกี่ยวกับวงจรไฟฟ้า ที่จุดเดียวกัน คือที่ฐานของพัดลม ซึ่งจะมีวิธีการตรวจเช็คขดลวดของมอเตอร์ กรณีที่เราจะต่อวงจรไฟฟ้าของพัดลมแต่ยังไม่ทราบขั้วของมอเตอร์ ดังนี้

วงจรไฟฟ้า พัดลม 5 สาย ( ยาวเท่ากันทั้งหมด )

                     1. ให้วัดความต้านทาน ทั้งหมดของสายที่ละคู่จนหมด เราจะได้สาย 1 คู่ ที่มีค่ามากที่สุด ให้นำไปต่อกับ คาปาซิเตอร์ ซึ่งโดยปกติจะมีความต้านทานประมาณ 750 โอห์ม (เป็นค่าความต้านทานของขดรันรวมกับความต้านทานของขดสตาร์ท)

                       ดังนั้นในการตรวจสอบ หากเราวัดค่าสายไฟคู่ที่ต่อเข้ากับคาปาซิเตอร์ หากปกติจะได้ประมาณ 750 โอห์ม หากน้อยกว่ามาก เช่น 300 โอห์ม ก็แสดงว่าขดลวดเกิดการช๊อตรอบแล้ว หรือถ้าเข็มไม่ขึ้นแสดงว่าขดลวดรัน หรือสตาร์ทขาด 

                     2. เมื่อเราดำเนินการตามข้อ 1 แล้ว จะเหลือปลายขดลวดให้เราเช็คอีก 3 สาย ซึ่งจะเป็นสายที่ต่อเข้ากับสวิตซ์ 1, 2 และ 3 ซึ่งเราสามารถเช็คโดยการวัดค่าความต้านทานได้ดังนี้

                         2.1 ใช้สายเส้นหนึ่งของโอห์มมิเตอร์ จับที่สายใดสายหนึ่งของสายที่เราต่อกับคาปาซิเตอร์ในข้อที่ 1 และนำปลายสายอีกขั้วหนึ่งของโอห์มมิเตอร์ไปจับกับปลายสายมอเตอร์ที่เหลือทั้งสาม ทีละเส้น ซึ่งจะได้ค่าความต้านทานแตกต่างกันไป ( ความต้านทานแต่ละเส้นจะได้ประมาณ  350, 430 และ 510 มากหรือน้อยกว่านี้ได้ ขึ้นอยู่กับขดลวดที่พัน)

                         2.2 ให้นำปลายสายที่วัดค่าความต้านทานน้อยที่สุดไปต่อที่สวิตซ์ขั้ว 3 มากขึ้นมาต่อที่สวิตซ์ขั้ว 2 และมากที่สุด ต่อที่สวิตซ์ขั้ว 1

                      3. นำสายเส้นหนึ่งของโอห์มมิเตอร์ จับที่จุดสายต่อของสายสวิตซ์ขั้ว 3  ปลายอีกข้างของสายโอห์มมิเตอร์ นำไปจับที่สายที่ต่อกับคาปาซิเตอร์สลับกัน จะได้ความต้านทานน้อยและมาก ตามค่าความต้านทานของขดรันและขดสตาร์ท ซึ่งขดรันจะได้น้อยกว่า ให้นำสายนิวตรอลของปลั๊กไฟต่อที่จุดความต้านทานน้อยคือปลายของขดรัน (หากเราต่อผิดเส้นคือนำไปต่อกับปลายของขดสตาร์ท จะทำให้มอเตอร์หมุนกลับทาง)

                      

                     แต่ในปัจจุบัน จะนิยมต่อสายที่เข้าคาปาซิเตอร์ที่ด้านบนของพัดลม จึงมีสายสั้นจำนวน 2 เส้น  และสายลงมาที่ฐานของพัดลมเพียง 4 เส้น เท่านั้น กรณีที่เราจะต่อวงจรไฟฟ้าของพัดลมแต่ยังไม่ทราบขั้วของมอเตอร์ สามารถหาได้ดังนี้

วงจรไฟฟ้า พัดลม 6 สาย ( สั้น 2 ยาว 4 )

                   1. นำสายสั้นทั้ง 2 เส้น มาต่อรวมกัน และใช้สายเส้นหนึ่งของโอห์มมิเตอร์ จับที่จุดต่อของสายสั้นทั้งสอง ปลายอีกข้างของสายโอห์มมิเตอร์ นำไปจับที่ปลายของสายยาวทั้งสี่ที่ละเส้น จะมีเส้นหนึ่งที่วัดความต้านทานได้ 0 โอห์ม เนื่องจากเป็นสายไฟที่ต่อตรงไปต่อกับปลายสายของขดรันที่ต่อไปยังคาปาซิเตอร์ด้านบน ให้นำสายนั้นไปต่อกับสายนิวตรอล ของสายปลั๊กไฟที่ฐานพัดลม

                     ( ดังนั้นในการซ่อม ถ้าเราใช้สายโอห์มมิเตอร์เส้นหนึ่งวัดที่ปลายสายทั้งคู่ที่ต่อรวมกัน ปลายสายโอห์มมิเตอร์อีกเส้นหนึ่งจับที่สายมอเตอร์เส้นที่ลงมาต่อกับสายนิวตรอลของสายปลั๊กไฟ แล้วไม่ขึ้นแสดงว่าเทอร์โมฟิวส์ขาด)

                   2.  นำสายสั้นทั้ง 2 เส้น แยกออกจากกันและนำไปต่อเข้ากับคาปาซิเตอร์ที่ด้านบนได้เลย หรือจะวัดความต้านทานดูก็จะได้ประมาณ  750 โอห์ม

                      ( ดังนั้นในการซ่อม ถ้าเราใช้โอห์มมิเตอร์วัดที่ปลายสายทั้งคู่ แล้วไม่ขึ้นแสดงว่าขดลวดขาด)

                   3. นำสายสั้นที่เหลือ 3 เส้น ต่อเข้ากับสวิตซ์ ที่ฐานพัดลม โดยใช้ปลายสายโอห์มมิเตอร์เส้นหนึ่งจับที่สายเส้นที่ต่อกับสายนิวตรอลของสายปลั๊กไฟ และปลายสายโอห์มมิเตอร์อีกเส้นหนึ่งจับที่ปลายสายทั้ง 3 ที่ละเส้น จะได้ผลและต่อกับสวิตซ์ ดังนี้

                    - เส้นที่ได้ความต้านทานมากที่สุด ต่อกับสวิตซ์ 1 (หมุนช้าที่สุด)

                    - เส้นที่ได้ความต้านทานน้อยลงมา ต่อกับสวิตซ์ 2 (หมุนปานกลาง)

                    - เส้นที่ได้ความต้านทานน้อยที่สุด ต่อกับสวิตซ์ 3 (หมุนเร็วที่สุด)

หมายเหตุ  

                   - การตั้งค่าโอห์มมิเตอร์แบบเข็มวัดความต้านทานของมอเตอร์พัดลม ให้ตั้งที่ โอห์มตำแหน่ง X10  จะทำให้อ่านค่าได้สะดวกที่สุด โดยนำค่าที่อ่านได้จากสเกล คูณด้วย 10 จะเป็นค่าที่ถูกต้อง

                   - พัดลมในบทความนี้เป็นพัดลมแบบมาตรฐาน ที่พันขดลวดครบทั้ง 3 ชุด (ไม่ใช้พัดลมแบบประหยัดที่ใช้ขดสตาร์ทเป็นตัวลดแรงดัน ทำให้ประหยัดขดลวดจึงทำให้มีราคาถูกลง 

                   - ความต้านทานดังกล่าว เป็นความต้านทานโดยประมาณ แต่โดยปกติ ขดรันอาจจะต่ำถึงประมาณ 300 โอห์ม หรือต่ำกว่าอีกเล็กน้อย หากเป็นมอเตอร์ขนาดใหญ่ อาจใช้ลวดเส้นโตขึ้น ทำให้ความต้านทานลดลงได้ แต่โดยมาก หากขดลวดช๊อตรอบ จะวัดได้ต่ำมาก เป็น 100 โอห์ม หากวัดได้สูงกว่าไม่มีปัญหา เพราะใช้ขดลวดเล็กลงเพื่อประหยัด


About ครูตุ้ง

We published High quality Blogger Templates with Awesome Design for blogspot lovers.The very first Blogger Templates Company where you will find Responsive Design Templates.

0 comments:

Post a Comment

Copyright ©

Designed by Templatezy